The First Slam Dunk ปิดตำนานศึกสุดท้ายสุดเดือด งดงาม

The First Slam Dunk ปิดตำนานศึกสุดท้ายสุดเดือด ภาพยนตร์อนิเมะที่ดัดแปลงจากมังงะกีฬายอดนิยม Slam Dunk โดย Takehiko Inoue ได้เปิดตัวตัวอย่างล่าสุด พร้อมทั้งเปิดเผยชื่อนักพากย์ที่จะพากย์เสียงตัวละครหลักทั้ง 5 ตัว โดยหนังมีกำหนดเข้าฉายในญี่ปุ่นวันที่ 3 ธันวาคมนี้สำหรับรายชื่อนักพากย์ที่จะมาพากย์เสียงสมาชิกทีม Shohoku ในครั้งนี้ ได้แก่ Shuko Nakamura จาก Blue Lock รับบทเป็น Ryota Miyagi, Jun Kazama จาก Haikyu!! สู่จุดสูงสุด ให้เสียงโดย Hizashi Mitsui, Shinichiro Kamio จาก Komi Can’t Communicate ให้เสียงของ Kaede Rukawa, Subaru Kimura จาก Jujutsu Kaisen ให้เสียงของ Hana Michi Sakuragi และ Kenta Miyake จาก Berserk พากย์เสียง Takenori Akagi

ภาพยนตร์นำแสดงโดย Takehiko Inoue เจ้าของมังงะต้นฉบับ มานั่งบนเก้าอี้ผู้กำกับและเขียนบท และได้สตูดิโอเตยแอนิเมชั่นมาดูแลการผลิต นอกจากนี้ศิลปินชื่อดังอย่าง The Birthday จะร้องเพลงเปิด (Opening) และ 10-FEET จะร้องเพลงปิด (Ending)Slam Dunk เป็นมังงะกีฬายอดนิยมจากปลายปากกาของ Takehiko Inoue ตีพิมพ์ในนิตยสาร Weekly Shonen Jump ในปี 1990-1996 และตีพิมพ์รวม 31 เล่มก่อนที่จะสร้างเสร็จ ซีรีส์อนิเมะดัดแปลงในปี 1993 โดย Toei Animationบอกเล่าเรื่องราวของฮานามิจิ ซากุรางิ เด็กมัธยมปลายผมสีแดงโดดเด่นและเชี่ยวชาญด้านการชกมวย แต่เขาเป็นคนไม่มีโชคเรื่องความรัก จนกระทั่งวันหนึ่ง ซากุรางิตกหลุมรักฮารุโกะ อาคางิ หญิงสาวผู้หลงใหลในกีฬาบาสเก็ตบอล เขาจึงตัดสินใจสมัครเข้าชมรมบาสเกตบอลแม้ว่าเขาจะเล่นไม่เป็นก็ตาม ด้วยความหวังที่จะชนะใจเธอ โดยที่เขาไม่รู้ มันจะเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางการแข่งขันบาสเก็ตบอลอันดุเดือด การต่อสู้ และมิตรภาพของเขากับอัจฉริยะ คาเอเดะ รุกาวะ และทีมโชโฮกุ ที่จะเปลี่ยน Slam Dunk ให้เป็นมังงะกีฬา ที่นักอ่านทั่วโลกชื่นชอบ

เรื่องย่อ The First Slam Dunk ปิดตำนานศึกสุดท้ายสุดเดือด

The First Slam Dunk ปิดตำนานศึกสุดท้ายสุดเดือด ‘The First Slam Dunk’ เข้าฉายในญี่ปุ่นวันที่ 3 ธันวาคม 2565 ส่วนในประเทศไทยมี Fan Screening พิเศษในวันที่ 18 และ 25 – 26 กุมภาพันธ์ 2566 โดยเริ่มฉายตามปกติในโรงภาพยนตร์ชั้นนำ ซีนีเพล็กซ์ ตั้งแต่วันที่ 9 มีนาคม 2566เรื่องย่อ: ‘The First Slam Dunk’ บอกเล่าเรื่องราวของการดวลบาสเก็ตบอลครั้งสำคัญที่แฟนอนิเมะไม่มีโอกาสได้ดู นั่นคือการแข่งขันระดับประเทศระหว่างทีม Shohoku และทีมเทคนิค Sanno ที่แข็งแกร่งที่สุด การต่อสู้นี้มีเฉพาะในเวอร์ชันมังงะเท่านั้น เล่าเรื่องราวผ่านมุมมองของพอยต์การ์ดหมายเลข 7 ในทีมโชโฮกุ มิยากิ เรียวตะ ผู้ซึ่งประสบปัญหาในวัยเด็กซึ่งการสูญเสียพี่ชายคนสำคัญของเขากลายเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ระหว่างเขากับแม่ที่ห่างเหินเท่านั้น บาสเก็ตบอลคือสิ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ สุดท้ายผลการแข่งขันจะเป็นอย่างไร? มาร่วมพิสูจน์ได้ใน ‘The First Slam Dunk – The First Slam Dunk’

สคริปต์แน่น เล่าเรื่องได้กระชับ ครบถ้วนและดีเมื่อพูดถึง Slam Dunk เราคุ้นเคยกับภาพลักษณ์ของตัวเอกผมสีแดง ซากุรางิ ฮานามิจิ และคู่แข่งตลอดกาลของเขา รุกาวะ คาเอเดะ ที่เป็นศูนย์กลางของมังงะและอะนิเมะ ต้นฉบับ แต่ใน ‘The First Slam Dunk’ ศูนย์กลางของเรื่องคือ Miyagi Ryota ซึ่งทำให้รู้สึกมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ถึงอย่างนั้นการมีมิยางิเป็นตัวเอกก็ไม่รู้สึกอึดอัดเลย เพราะสคริปเขียนได้ดี เรื่องราวในอดีตผสมผสานกับการแข่งขันที่ร้อนแรงที่สุดในปัจจุบันได้อย่างลงตัว มันเข้มข้น กระชับ และไม่ยืดเยื้อ ใช้เวลาไม่นานในการทำให้คุณรู้สึกเชื่อมโยงกับมิยางิทันที

The First Slam Dunk ปิดตำนานศึกสุดท้ายสุดเดือด ‘The First Slam Dunk’ เปิดฉากด้วยการแข่งขันระหว่างทีม Shohoku และเทคนิค Sanno สลับกับการเล่าเรื่องชีวิตของมิยางิรวมถึงสมาชิกคนอื่นๆ ในทีม ตลอด 2 ชั่วโมง 4 นาทีของหนังเรื่องนี้ การแข่งขันมีทั้งแบบใกล้ชิดและใกล้ชิด โมเมนต์ที่ถูกทิ้งไว้และโมเมนต์สำคัญในการโต้กลับ ทุกโมเมนต์ เล่าอย่างแผ่วเบา คุณเกร็งและเกร็งบนที่นั่ง ก่อนที่คุณจะรู้ว่าหนังจบแล้วเทคนิคภาพ 3D ผสมกับ 2D งานละเอียด คมชัด สมจริงไฮไลท์ที่พูดถึงไม่ได้ก็ต้องเป็นภาพ ‘The First Slam Dunk’ ใช้เทคนิคภาพ 3 มิติรวมกับเส้น 2 มิติสุดคลาสสิก อิโนอุเอะเองก็บอกว่าทีมงานทำงานอย่างหนักกับเรื่องนี้ เพราะอยากให้การเคลื่อนไหวมีความสมจริงและเป็นธรรมชาติมากที่สุด

ดูจบแล้วต้องบอกว่าภาพดีจริงๆ คุณภาพสูงมากๆ และสำหรับใครที่เคยดูบาสมาก่อนจะรู้ว่าการเคลื่อนไหวของตัวละครเป็นธรรมชาติ รายละเอียดจะถูกบันทึกอย่างสมจริงในเกือบทุกการเคลื่อนไหว แม้แต่ช่วงเวลาเล็กๆ น้อยๆ ก็ตาม นี่เป็นอีกความประทับใจที่ผมอยากจะมอบให้กับหนังเรื่องนี้เพลงและเสียงประกอบดีต่อหัวใจ เลือกใช้ให้ถูกเวลาThe First Slam Dunk’ มีเพลง 10-FEET มาทำเพลงประกอบหลักชื่อ “Dai Zero Kan” จังหวะของเพลงนั้นหนักแน่นและสนุกสนานและยังถูกเลือกใช้ในแต่ละฉากได้อย่างลงตัวรวมถึงเสียงเอฟเฟ็กต์ต่างๆในเนื้อเรื่องด้วย ว่ามันจะเป็นเสียงบาสเก็ตบอลกระทบพื้น เสียงรองเท้าบาสเก็ตบอลในยิม เสียงการหายใจของนักกีฬา ทุกเสียงที่ใช้ รวมถึงช่วงเวลาที่หนังเลือกที่จะเงียบ มันช่วยดึงอารมณ์ของแต่ละฉากออกมาราวกับว่าเรากำลังเชียร์อยู่ข้างสนามจริงๆ

 

บทความแนะนำ